วันพฤหัสบดี, พฤษภาคม 20, 2553

ยาเสพติดตามแนวชายแดน


ทุกวันตามแนวชายแดนภาคเหนือเป็นช่องทางการขนยาบ้าเข้าสู่ประเทศไทยเป็นจำนวนมหาศาล การปิดกั้นช่องทางลำเลียงยาเสพติดจากประเทศเพื่อนบ้านจะทำสำเร็จได้ เพราะเจ้าหน้าที่ทุกฝ่าย และประชาชนมีส่วนร่วมในการป้องกัน และปรามปราบยาเสพติด ได้ร่วมมือร่วมใจกันอย่างจริงจัง โดยไม่เห็นแก่เงินทองประโยชน์ส่วนตน

โดยเฉพาะกำลังจากประชาชนในพื้นที่แหล่งช่องทางลำเลียงยาบ้า จึงจะสามารถสกัดกั้นหรือป้องปรามการลำเลียงยาบ้าจากประเทศเพื่อนบ้านไม่ให้ข้ามเข้ามาตามแนวชายแดนไว้ได้ในระดับหนึ่ง ถึงแม้จะเปลี่ยนเส้นทางการลำเลียง ไม่ว่าจะเป็นช่องทางไหน ประชาชนทุกคน ประชาสังคมในพื้นที่นั้น ร่วมกันเป็นหูเป็นตาสอดส่อง แจ้งข้อมูลข่าวสาร เบาะแส พฤติกรรมของผู้ขน ผู้ค้า ทุกระดับ โดยไม่เห็นแก่เงินทองค่าจ้างที่ไม่สุจริตไม่ยั่งยืน โดยแจ้งข่าวสารกับส่วนราชการทุกหน่วยงานในพื้นที่

จากการตั้งจุดตรวจ/ด่านตรวจค้นสกัดจับ การเพิ่มความถี่ในการเข้าตรวจค้นกลุ่มบ้านที่มีประวัติค้ายาเสพติด ตลอดจนการเข้มงวดกวดขันของเจ้าหน้าที่ทุก ๆ ฝ่าย ทั้งทางบก และทางน้ำ ทำให้เกิดความยุ่งยากในการลำเลียงยาบ้าข้ามพรมแดนของกลุ่มผู้ค้ายาบ้ามากยิ่งขึ้น และไม่สามารถกระทำได้สะดวก แต่หากขณะนี้ปริมาณของยาบ้าได้เพิ่มปริมาณการเข้ามามากขึ้นกว่าแต่ก่อนจากปริมาณการจับกุมได้ในช่วงสองเดือนที่ผ่านมา สาเหตุประการหนึ่งเป็นเพราะทุกคนคิดว่ายาเสพติดเป็นเรื่องไกลตัว แต่ละคนต้องทำอาชีพ ทำงานหารายได้เลี้ยงครอบครัว ส่งให้ลูกหลานได้รับการศึกษา จนลืมไปว่ายาเสพติดกลับมาทำร้ายลูกหลานของเราที่กำลังศึกษาเล่าเรียน จึงเป็นการเปิดโอกาสช่องทางให้กลุ่มผู้ค้ายาเสพติดทั้งใน และนอกประเทศทุกระดับใช้โอกาสนี้ส่งยาบ้าเข้ามาในประเทศทำลายลูกหลานและประเทศชาติของเราทั้งยังนำเงินของไทยออกไปยังประเทศเพื่อนบ้านที่เป็นแหล่งผลิตยาเสพติด และยังขยายเส้นทางการขนส่งยาเสพติดเข้าประเทศในรูปแบบต่างๆมากขึ้น เช่น ทางเรือตามลำน้ำโขง ใช้กองทัพมดจ้างขนลำเลียงเข้ามาทุกทิศทางของภาคเหนือ ทั้งผู้ขนเป็นเด็กและผู้หญิง รวมทั้งเข้ามากับแรงงานต่างด้าว เป็นต้น ฉะนั้นประชาชนในพื้นที่แนวชายแดนภาคเหนือ และพื้นที่ภายในประเทศต้องร่วมกันเป็นหูเป็นตาให้กับเจ้าหน้าที่ ที่สำคัญที่สุดก็คือการดูแลลูกหลานหรือคนในครอบครัวอย่าให้ไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดในทุกๆลักษณะไม่ว่าการเสพ ค้า หรือช่วยเหลือผู้อื่นนำเข้าหรือค้ายาเสพติด

เราต้องร่วมมือกันระหว่างเจ้าหน้าที่ทุกฝ่าย พลเรือน ตำรวจ ทหาร นักการเมือง กลุ่มองค์กรท้องถิ่น กลุ่มพลังมวลชนต่าง ๆ อาสาสมัครในท้องถิ่น องค์กรอิสระ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหมู่บ้านชุมชนบริเวณแนวชายแดนจังหวัด เชียงราย เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน ต้องมีความตื่นตัว ลุกขึ้นมาต่อสู้ต่อปัญหายาเสพติด ปัญหาที่จะกระทบลูกหลานท่านโดยตรง

วันพุธ, พฤษภาคม 19, 2553

ยาเสพติดกับเด็กที่ติดยา

ยาเสพติด กับเด็กที่ติดยา
By คนบ้านเลขที่ 96 on August 21st, 2009

บทความ โดย คนบ้านเลขที่ 96

ที่จริงแล้วผมไม่มีความปรารถนาที่จะเขียนถึงเรื่องยาเสพติดเลย เพราะพี่น้องม้งของเราบางส่วน ที่นับว่าเป็นส่วนมากที่ไม่เคยยุ่งกับยาเสพติด จะพลอยเสียความรู้สึกไปด้วย แต่เนื่องจากข่าวที่ editer นำเสนอมานั้น ผมเองก็เป็นคนหนึ่งที่รับไม่ได้กับการกระทำนั้น คือหนุ่มเยาวชนวัยรุ่นคนหนึ่งที่เข็กน้อย ฆ่าข่มขื่นเด็กน้อยที่ไม่รู้อีโน่อีเน่อะไรเลย ดังนั้นผมจึงขอแจมในประเด็นนี้ด้วย

ในชีวิตช่วงเด็กๆที่หมู่บ้านที่ผมเคยอยู่นั้น เคยมีเหตุการณ์อย่างนี้เกิดขึ้น แต่มันเกิดขึ้นในลักษณะที่คนเมาแล้วข่มขื่นเด็กสาวม้ง สองคนที่เข็นขยะไปทิ้งหลังโรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่ง แต่คนหนึ่งหนีได้ ไปแจ้งให้คนอื่นมาช่วย แต่ได้ข่าวว่าช่วยให้เด็กสาวคนนั้นไม่ตายได้จริง แต่ความสาวของเธอโดนคนใจร้ายแอบขโมยไปเรียบร้อยแล้ว แต่เจ้าคนที่มาแอบขโมยความสาวนั้นมันไม่ใช่คนม้ง แต่เป็นคนต่างถิ่นที่มาแทงสนุกเก้อ และเมาเหล้า เรื่องราวเหล่านี้ถามว่าพวกเราท่านทั้งหลาย ที่เป็นหนุ่มม้งเจ็บปวดไหม บอกตามตรงว่าเจ็บปวดมากที่เห็นสาวม้ง เห็นคนม้งถูกคนต่างเผ่าทำอนาจาร แต่ข่าวที่เกิดขึ้นที่เข็กน้อยนั้น เกิดจากเด็กวัยรุ่นทำกับเด็กม้งเอง และยังเป็นเด็กตัวน้อยๆ นี่ต่างหากน่าเจ็บปวดกว่า

ในช่วงหนึ่งแถวๆบ้านที่ผมอาศัยอยู่ ลูกเล็กเด็กแดงล้วนแต่รู้จักคำว่ายาม้า(มาเปลี่ยนเป็นยาบ้าที่หลัง) วัยรุ่นทั้งชายหญิงส่วนหนึ่งติดยาจนน่าเป็นห่วง จนในที่สุดเยาวชนชายก็ต้องไปขายยาม้าเพราะไม่มีเงินชื้อยาแล้ว ส่วนวัยรุ่นหญิงก็ต้องเอาตัวเข้าไปแลก ต้องไปหลับนอนกับคนแปลกหน้าที่มียาเสพติด เพื่อแลกกับยา ถามว่าหากท่านทั้งหลายมีลูกชายขายยาท่านจะรู้สึกอย่างไร และหากหญิงสาวที่กำลังนอนกับคนแปลกหน้านั้น เป็นลูกสาวของท่านเป็นน้องสาวของท่าน แต่เธอต้องหลับนอนกับคนอื่นเพื่อของสิ่งหนึ่งคือยาเสพติด ท่านทั้งหลายจะโกรธแค้น คนขายยาไหม จะโกรธแค้นคนที่แอบหลับนอนกับลูกสาวของท่าน กับน้องสาวของท่านไหม ให้ตอบตัวเองในใจดู

ในโลกใบนี้มีสิ่งหนึ่งที่ทุกคนรู้ดีว่า กิน ดื่ม สูบ แล้วเป็นอันตรายต่อสุขภาพเป็นภัยร้ายกับสังคม แต่ก็ยังกิน ยังดื่ม ยังสูบ นั่นแหละเขาเรียกว่ายาเสพติด ลองคิดเล่นๆ ดูนะ ถ้าเป็นผู้ชายแล้วติดยา แล้วจะทำมาหากินอย่าไร จะเลี้ยงพ่อแม่ได้ไหม แล้วสาวที่ไหนจะมาชอบเรา ติดยาอนาคตก็ดับสิ้น แม้ตัวก็จะต้องตกตายอีกต่างหาก ก็ยังยอมไปเสพยอมไปยุ่งกับยาเสพติด เพื่อว่าตัวเองจะได้ภูมิใจแบบผิดๆ ในคำว่าลูกผู้ชาย แต่ผมคิดว่าคำว่าลูกผู้ชายนั้น ต้องหมายถึง เลี้ยงพ่อแม่ได้ เอาใจใส่ภรรยาดี และมีลูกที่มากด้วยคุณธรรม

ถ้าเป็นผู้หญิงยังสาวยังสวยไปติดยาแล้ว และการติดยานั้นจะเป็นการนำมาซึ่งการเสียสาวแต่เล็กด้วย ถามจริงๆ ว่าใครจะเอาคุณเธอไปเป็นภรรยา ความทุกข์ของผู้หญิงอย่างหนึ่ง คือ การถูกผู้ชายดูหมิ่นเหยียดหยามในเกียรติ และการดูแคลน แต่ถ้าติดยาเสียแล้วถามว่าคุณเธอจะมีคุณค่าพอไหม ที่จะให้ผุ้ชายทนุถนอมให้เกียรติเธอ ลองตอบตัวเองดู

ดังนั้นถึงเวลาแล้วที่พี่น้องม้ง เยาวชนม้งรุ่นใหม่ จะเป็นไปได้ไหมว่า ให้พวกเราท่านทั้งหลายคนรุ่นใหม่ ปรับความคิดใหม่ในมุมของของยาเสพติด และให้ทุกท่านร่วมรับผิดชอบเฉพาะครอบครัวของตัวท่านเอง ถ้าท่านคิดว่าถ้ามีลูกแล้วไม่สามารถสอนให้ลูกเป็นคนดีได้ ท่านก็อย่าพึ่งมีลูก ยังดีกว่าการที่มีลูกเยอะๆ แล้วปล่อยให้เด็กเหล่านั้นต้องลองผิดลองถูก จนในที่สุดก็เกิดเรื่องเช่นนี้จนได้

ถ้าไม่อยากเห็นลูกชายตัวเองติดยาจนเสียผู้เสียคน หรือลูกสาวตัวเองติดยาแล้วต้องเสียสาวก่อนวัยอันควรจนกลายเป็นคนที่ไร้ค่า ก็ต้องถามทุกท่านว่า ทุกท่านยอมและพร้อมที่จะมีลูกอย่างนี้หรือ สามารถทนดูลูกหลานของตัวเองต้องตกอยู่ในสภาพแบบนี้หรือ ถ้าไม่อยาก พวกเราเหล่าพี่น้องม้งคนรุ่นใหม่รวมไปถึงคนรุ่นก่อนๆด้วย ต้องรู้จักวางแผนครอบครัวให้ดี ถ้ากล้ามีภรรยา กล้ามีลูก ก็ต้องกล้าส่งเสริมสั่งสอนให้ลูกเป็นคนดีมีคุณธรรมนะครับ

(ทั้งหมดทั้งปวงนี่ไม่ได้มีเจตนาที่ตำหนิคนที่ติดยานะครับ แต่อยากให้สติกับคนที่ติดยา)
บทความจากเวป http://hmongasia.com

วันอังคาร, พฤษภาคม 18, 2553

Think Twice คิดอีกสักครั้ง (แปล)

...คิดอีกสักครั้งจากข้อมูลคุณเคยได้ฟัง...

การพูดคุยกันเกี่ยวกับปัญหายาเสพติดมักจะเจือปนไปด้วยความรู้สึก ความไม่ถูกต้อง และความหวัง ในหลายกรณี ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับยาเสพติด เป็นยิ่งกว่าเรื่องแต่งหรือแยกแยะความแตกต่างระหว่างเรื่องจริงกับเรื่องแต่งไม่ออก บางคนลดระดับความอันตรายของบรรดายาเสพติด ผลกระทบต่อสังคม และต่อร่างกายและสมองของคน บางส่วนก็อ้างว่านโยบายยาเสพติดที่เคร่งครัดของรัฐบาลก่อให้เกิดผลร้ายต่อประเทศชาติ ที่เหลือบางส่วนยังยืนยันว่ายาเสพติดควรใช้อย่างแพร่หลายและถูกกฎหมาย

Discussion of the drug issue is sometimes filled with emotion, inaccuracies and wishful thinking. In many cases, what is represented as a "drug fact" is really fiction, and it's hard to notice the difference. Some people downplay the dangers of drugs, their effects on society and their effects on our bodies and brains. Others claim that restrictive government drug policies have harmed our country. Still others tell us that drugs should be plentiful and legal.


ในอดีตที่ผ่านมาเมื่อไม่นานนี้ บริษัทบุหรี่ยักษใหญ่ทำโฆษณาและสปอตประชาสัมพันธ์ขายสินค้าว่าบุหรี่ไม่เป็นอันตราย และแท้ที่จริงแล้วมีประโยชน์ต่อสุขภาพ เขาปฏิเสธว่าไม่มีกลุ่มลูกค้าหลักสำหรับการขายบุหรี่ ที่ได้แก่ เยาวชน ผู้หญิง คนไร้โอกาส และประชาชนในประเทศต่างๆ ซึ่งปัจจุบันเป็นที่รู้กันว่าพวกเขาโกหก ชาวอเมริกันหลายล้านคนต้องจ่ายราคาไปกับคำโกหกเหล่านี้ด้วยชีวิตของตนเอง

Not so long ago, big tobacco companies sold Americans a bill of goods, telling us through advertising and official statements that cigarettes were not harmful—that in fact, they were healthy for us. They denied that certain groups were being targeted for cigarette sales—young people, women, minorities, people in other countries. It's clear now that they simply lied. Millions of Americans are paying the price for these lies-with their lives.


ขณะที่ในตลาดค้ายาเสพติดไม่ได้ถูกควบคุมโดยผู้บริหารบริษัทพร้อมด้วยงบโฆษณามหาศาล เราก็ยังคงถูกปลุกปั่นด้วยข้อความต่างๆเกี่ยวกับยาเสพติดที่ว่า (เรื่องโกหก)ยาเสพติดแท้จริงไม่ได้ชั่วร้าย และ(เรื่องโกหก)กัญชาจริงๆแล้วเป็นยา และ(เรื่องโกหก)ทุกคนเคยใช้ยาเสพติดมาก่อน

While the illegal drug market is not controlled by a handful of corporate CEOs with large advertising budgets, we are still bombarded with messages telling us that [FICTION] drugs aren't really that bad, and that [FICTION] marijuana is really medicine, and that [FICTION] everyone does drugs.


ตลาดยาเสพติดถูกควบคุมโดยนักค้าและองค์กรจอมโลภ ผู้เชื่อว่าสามารถดำเนินชีวิตด้วยการเลือกวิถีของตนเอง การชวนเชื่อของเขาทำด้วยการบอกปากต่อปาก สร้างภาพยาเสพติดผ่านทางวัฒนธรรม และกระจายข่าวสารที่ผิดๆออกมา

The drug market is controlled by greedy individuals and organizations who believe they can make a living off your choices. Their advertising is word-of-mouth, glamorization of drugs through our culture, and dissemination of bad information.


ข่าวสารที่ผิดส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับการทำให้กัญชาเป็นสิ่งถูกกฎหมาย อ้างว่ามีการเสนอกฎหมายเพื่อให้การใช้ยาเสพติดถูกกฎหมายในอนาคต พวกเขาต้องการให้คุณเชื่อว่าการดำเนินการดังกล่าวเป็นการนำเอาเรื่องของผลกำไรออกจากเรื่องยาเสพติด และการทำให้ยาเสพติดถูกกฎหมายเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อสังคม เขายังบอกอีกว่ากัญชาเป็นยาและผู้ป่วยถูกปฏิสธการช่วยให้เจ็บปวดน้อยลงจากการที่รัฐบาลยังกำหนดให้กัญชาเป็นสิ่งผิดกฎหมาย บางคนบอกเยาวชนว่ากัญชาไม่มีอันตราย เป็นแค่พืช และเป็นสารธรรมชาติ นอกจากนี้ยังได้ยินว่าทุกคนสามารถใช้กัญชาโดยไม่มีผลกระทบต่อร่างกายและชีวิตเลย

Much of the bad information relates to the legalization of marijuana. Legalization proponents claim that our country is moving towards legalizing all drugs within the foreseeable future. They want you to believe that such a move will take the profit out of drugs, and that legalizing drugs will ultimately benefit society. They also say that marijuana is medicine, and that sick people are being denied relief as a result of Government policy to keep marijuana illegal. Some will tell young people that marijuana is harmless —after all, it's a plant, a natural substance. You will also hear that people can use marijuana without any consequences to their health or their lives.


จงคิดถึงคำกล่าวอ้างเหล่านี้ก่อนซื้อยาเสพติด และถามคำถามเหล่านี้

Think about these claims before you buy into them. Ask some questions:


เราต้องการปัญหายาเสพติดมากกว่าปัจจุบันนี้หรือไม่? เหล้า บุหรี่ ยาบางประเภท ยังอันตรายไม่พออีกหรือ? แล้วพวกกัญชา โคเคน หรือยาบ้าที่จะทำให้ถูกกฎหมายไม่ทำให้มันเลวร้ายไปยิ่งกว่านี้หรือ

Do we need more drug problems than we currently have? Don't alcohol, tobacco and prescription drug use cause enough harm already? Wouldn't legalizing drugs —like marijuana, heroin, cocaine or methamphetamine—make things much worse?


ทำไมต้องเอาอนาคตตัวเองไปเสี่ยงกับการเข้าไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติด? ผมไม่ได้ต้องการเข้าเรียนมหาวิทยาลัยดีๆ หรือสอบใบขับขี่(ใบขับขี่เป็นเรื่องสำคัญของชาวอเมริกัน) เล่นกีฬา หรือได้งานดีๆหรอกหรือ?

Do I want to jeopardize my future by getting involved with drugs? Don't I want to get into a good college, get and keep my driver's license, play sports, get a good job?


ตัวเราเองรู้เรื่องทั้งหมดเกี่ยวกับยาเสพติดแล้วหรือยัง ก่อนลองมัน แม้ครั้งเดียวจะกระทบต่อชีวิตในวัยรุ่นของเรา? และตัวเราจะรู้ได้อย่างไรว่าการใช้ยาเสพติดจะช่วยอะไรเราได้บ้าง?

Do I know all I need to know about how trying drugs —even once —has affected kids my age? And how do I know what drug use can do to me?


คำขัวญต่อต้านยาเสพติด : เราหลายคนได้ยินคำโต้แย้งกันว่าการห้ามดื่มเหล้าล้มเหลว แล้วทำไมยาเสพติดยังผิดกฎหมายอยู่ คำขัวญต่างๆใช้ได้ในห้วงการรรรงค์การดื่มเหล้าลดลงเกือบ 60% และการตายจากโรคตับแข็งและโรคที่เกี่ยวข้องลดลงอย่างมาก(ข้อมูลปี 2539 ของอเมริกา) วันนี้การดื่มเหล้ามากกว่าสามเท่าในห้วงของการรณรงค์ห้าม เหล้าถูกกฎหมายยกเว้นสำหรับเยาวชนอายุต่ำกว่า 21 ปี และเป็นปัญหาหลักในตอนนี้โดยเฉพาะการเมาแล้วขับ

A word about prohibition: lots of you hear the argument that alcohol prohibition failed—so why are drugs still illegal? Prohibition did work. Alcohol consumption was reduced by almost 60% and incidents of liver cirrhosis and deaths from this disease dropped dramatically (Scientific American, 1996, by David Musto). Today, alcohol consumption is over three times greater than during the Prohibition years. Alcohol use is legal, except for kids under 21, and it causes major problems, especially in drunk driving accidents.


เป็นเรื่องของคุณในการรับรู้ข้อเท็จจริง เพื่อแยกแยะระหว่างเรื่องจริงกับเรื่องโกหก เพื่อจะคิดสักอีกครั้ง

It's up to you to get the facts. To know the difference between fact and fiction. To think twice.

(แปลจาก facts & fiction เวป http://www.justice.gov/dea)

วันจันทร์, พฤษภาคม 17, 2553

ผู้ค้ายาเสพติดคือคนทำลายชาติ

สังคมไทยปัจจุบัน ในบางชุมชน หมู่บ้านยังมีค่านิยมความเชื่อที่ผิดปกติและไม่ใช่ค่านิยมดั้งเดิมของประชาชนชาวไทยแต่ดั้งเดิม ค่านิยมที่เชื่อว่าการกระทำความผิด เช่น การค้ายาเสพติดทั้งรายใหญ่ รายย่อย ถือว่าสามารถยอมรับได้ หากนำเงินที่ได้จากการค้ายาเสพติดมาพัฒนาคุณภาพชีวิตของกลุ่มของตน หรือดูแลญาติ พี่น้อง ของตนเอง

ถามว่า...ทำไมคนกลุ่มนี้ถึงยังคิดเช่นนี้อยู่นั้น ก็เป็นเพราะว่าผลประโยชน์ที่ได้รับจากยาเสพติดนั้นชัดเจนและรวดเร็วกว่าผลประโยชน์ในรูปแบบอื่นๆ บางคนรับจ้างขนเพียงครั้งสองครั้ง ก็สามารถมีเงินซื้อรถ สร้างบ้านได้แล้ว ขณะที่คนทำมาหากินสุจริตกว่าจะหาเงินมาสร้างบ้านสักหลังแทบจะต้องใช้เวลาทั้งชีวิต หรือบางทีแทบจะหาเงินมาสร้างบ้านเล็กๆ สักหลังยังไม่ได้

ความคิดอันเลวร้ายที่ว่าสามารถค้ายาเสพติดได้ หากนำมาช่วยเหลือญาติ พี่น้อง ผู้ด้อยโอกาสเช่นนี้ ทำให้นับวันกลุ่มขบวนการค้ายาเสพติดสามารถขยายเครือข่าย และมวลชนออกไปอย่างมากมายจนน่ากลัว ในพื้นที่ภาคเหนือบางหมู่บ้าน ทั้งๆที่การข่าวภาครัฐรู้ว่ามีคนในหมู่บ้านเกี่ยวข้องกับยาเสพติด แต่ยังไม่สามารถเข้าถึงและเอาผิดต่อกลุ่มขบวนการได้ เนื่องจากขาดหลักฐาน และชาวบ้านในหมู่บ้านไม่ให้ความช่วยเหลือ บางคนก็เห็นว่าไม่ใช่เรื่องของตนเอง หรือเกรงกลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิตของตนเองและครอบครัว

การไม่สนใจและใส่ใจที่จะช่วยเหลือหน่วยงานของรัฐ หรือบางทีก็มีเจ้าหน้าที่ของรัฐไปเกี่ยวข้อง ทำให้กลุ่มค้ายาเสพติดขยายเครือข่ายเข้ามาในหมู่บ้านโดยใช้ผลประโยชน์จากเงินที่สูงมากเป็นตัวล่อ เมื่อเราเข้าไปติดกับดักแล้วการออกจากขบวนการก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะได้เข้าไปล่วงรู้ความลับของขบวนการค้ายาเสพติดแล้ว และบางทีผู้ค้ารายย่อยก็เป็นผู้เสพด้วยในคราวเดียวกัน

ปัญหายาเสพติด จึงกลายเป็นปัญหาสังคมที่ซับซ้อนขึ้นเรื่อยๆ และทำให้สังคมไทยมีความอ่อนแอลงอย่างช้าๆ ในขณะที่ประเทศเพื่อนบ้านรอบๆตัวเรา เริ่มมีการพัฒนาประเทศอย่างต่อเนื่อง ประเทศไทยกำลังจะเดินถอยหลังลงคลอง จากปัญหายาเสพติดที่เป็นปัจจัยสำคัญไม่น้อยไปกว่าปัญหาการเมืองในปัจจุบัน

หากว่าประชาชนชาวไทยยังไม่ตื่นขึ้นมา แก้ไขปัญหานี้ ผลกระทบจะตกแก่ลูกหลานของเราทุกคน ความร่วมมือจากประชาชนเท่านั้น จึงจะทำให้การแก้ไขปัญหายาเสพติดเป็นไปอย่างยั่งยืน และความร่วมมือนี้คงไม่ใช่แค่การไปเดินถือป้ายต่อต้านยาเสพติด แล้วแยกย้ายกันกลับบ้านเท่านั้น...